การบริการเครือข่าย 5G Private Network ที่ใช้คลื่น 3500 MHz ของเทเลนอร์ สวีเดนได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564 โดยคุณแอนเดรียส คริสเตนซัน ผู้นำด้าน IoT และธุรกิจใหม่ของบริษัทได้ชี้ว่า การเชื่อมต่อแบบอัจฉริยะเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งการพัฒนาเครือข่ายที่ทันสมัยจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
Private Network นี้ไม่เพียงให้บริการความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังเน้นที่ความหน่วง (Latency) ซึ่งมีความสำคัญสูงสุดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิทัลและเครื่องมือต่างๆ ในอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในความปลอดภัยและความเชื่อถือในการใช้งาน เทเลนอร์ สวีเด็นได้นำคลื่น 3500 MHz มาใช้ในการเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์แก่กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ 36 แห่งในสวีเดน ซึ่งได้รับการติดตั้งโซลูชันที่ชั้นนำอย่าง แอตลาส คอปโก้ (Atlas Copco) ซึ่งมีนวัตกรรมทันสมัยในอุตสาหกรรมก๊าซและปั๊มลม รวมถึงโซลูชั่นการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ในโรงงานและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และมีแผนการพัฒนาในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ในอนาคต
การสร้างเครือข่ายส่วนตัว การร่วมมือของบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม
เครือข่ายส่วนตัวเป็นผลมาจากความร่วมมือของ 3 บริษัทชั้นนำในวงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และการใช้งานที่ปลอดภัยของเครือข่าย เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่สำคัญในการนำเสนอเทคโนโลยีที่ทันสมัยและประสิทธิภาพในวงการอุตสาหกรรมต่างๆ
บริษัทแรกคือ เทเลนอร์ กรุ๊ป (Telenor Group) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสำคัญในภูมิภาคยุโรปกลางและตะวันออก รวมถึงแถบเอเชีย และเป็นผู้บุกเบิกด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนวัตกรรมด้าน 5G Verticals INNovation Infrastructure (5G-VINNI) บริษัทที่สองคือ แอตลาส คอปโก้ (Atlas Copco) ผู้นำด้านอุตสาหกรรมก๊าซ และคอมเพรสเซอร์ ที่มีความชำนาญในการผลิตปั๊มลม อุปกรณ์ก่อสร้างถนน และอุปกรณ์ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมด้วยการให้บริการเทคโนโลยีไอซีทีและเครือข่ายระดับโลก บริษัทที่สามคือ อีริคสัน (Ericsson) นำกลุ่มด้านเทคโนโลยีไอซีทีและเครือข่ายระดับโลก ที่มีกำลังคนทำงานกว่า 100,000 คน
เครือข่ายที่ถูกกำหนดมาเฉพาะให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการและองค์กรให้สามารถบริหารจัดการเครือข่ายของตนเองได้ ทั้งการทดสอบอุปกรณ์ กำหนดทิศทาง และรักษาความปลอดภัยของการสื่อสารภายในเครือข่าย นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยคุณคริสเตนซันได้กล่าวว่า Atlas Copco เดิมใช้เครือข่ายแบบเดิม ทำให้ต้องใช้โซลูชั่นเชื่อมต่อรูปแบบสายเคเบิล บลูทูธ และ Wi-Fi ที่มีความยากลำบากในการปรับเปลี่ยนและรักษา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจต่างๆ หันมาสนใจสู่การใช้งาน 5G Private Network แม้ว่าการใช้งาน 5G จะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว การรักษาความปลอดภัยในการใช้งานเครือข่ายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เทเลนอร์สวีเดนได้เปิดตัวบริการ 5G ในหลายจุดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำอุตสาหกรรม 4.0 และการให้ความสำคัญกับเครือข่ายที่ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกเหนือจากเครือข่าย 5G ทั่วไป
การใช้งาน Private Network จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
โดยเฉพาะในรูปแบบที่มีการนำเทคโนโลยีเสมือนจริงอย่าง Augmented Reality (AR) และเทคโนโลยีการถ่ายทอดผ่านกล้องต่างๆ เข้ามาช่วยในการสร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่และเชื่อมโยงกับโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปัจจุบัน การให้บริการ Private Network ได้ถูกเปิดออกมาสำหรับกลุ่มลูกค้าในองค์กรและธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ
ดีแทค ในประเทศไทยได้ร่วมมือกับเทเลนอร์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนา 5G Private Network สำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ในการทำความร่วมมือล่าสุดนี้, พวกเขาได้ร่วมมือกับ AWS (Amazon Web Services) เพื่อทดสอบและพิสูจน์ประสิทธิภาพของ 5G Private Network
ด้วยการผสานความปลอดภัยระดับสูงและการประมวลผลที่เร็วด้วยเทคโนโลยี Edge Computing, 5G Private Network สามารถออกแบบเครือข่ายได้ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน เช่นการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี Massive IoT Artificial Intelligence (AI) Machine Learning (ML) Augmented Reality (AR) Virtual Reality (VR) นอกจากนี้ ดีแทคยังได้ร่วมมือกับธุรกิจและองค์กรในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อนำเข้าระบบ 5G ร่วมกัน เช่น ปตท. (PTT) ดับบลิวเอชเอ (WHA) อาซีฟา (Asean Automotive Group) เอบีบี (ABB) และอื่นๆ อีกมาก
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing/2186513